รอบแบ่งกลุ่ม UCL ฤดูกาลนี้ถือว่าเป็นอีกปีหนึ่งที่สูสีมาก ทีมวางอันดับที่ 1 และ 2 ของแต่ละกลุ่ม สามารถผลัดกันแพ้ชนะกันได้ตลอด(แต่กับอันดับที่ 3 กับ 4 ) ยังห่างกันเยอะอยู่ แน่นอนว่ารอบแบ่งกลุ่มทุกทีมต้องการที่จะเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มอย่างแน่นอน เพราะไม่อยากไปเจอทีมแข็งในรอบต่อไป แต่ปีนี้ถือว่าแปลกจริงเนื่องจากการเข้าป้ายเป็นรองแชมป์กลุ่มกับได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการเป็นแชมป์กลุ่มเสียอีก
ข้อดีของการเป็นแชมป์กลุ่ม
การเล่นเกม UCL รอบแรกนั้น การเข้ารอบเป็นแชมป์กลุ่มถือว่าเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นเลย หากเราต้องการจะผ่านรอบ 16 ทีมสุดท้ายไปได้ เนื่องจากแชมป์กลุ่มจะมีข้อดีอยู่สองอย่างด้วยกันก็คือ หนึ่ง แชมป์กลุ่มจะไม่ต้องเจอแชมป์จากกลุ่มอื่นที่อาจจะเป็นทีมในระดับเดียวกันก็ได้ และสองการเป็นแชมป์กลุ่มจะได้ออกไปเยือนก่อน แล้วกลับมาเช็คบิลในบ้าน ซึ่งสามารถวางแผนการเล่นได้มากกว่า ยิ่งถ้าเล่นเกมแรกได้ผลสกอร์ตามที่ต้องการแล้ว เกมที่สองในบ้านนี่โอกาสสูงเลย หรือถ้าผิดแผนในเกมแรก เกมที่สองยังมีโอกาสแก้ตัวได้ในบ้าน
แชมป์กลุ่มของเวที UCL รอบแรก
เห็นข้อดีกันไปแล้ว ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ประหลาดพอสมควร เพราะแชมป์กลุ่มที่คาดว่ากลับไม่มาตามนัด ปีนี้แชมป์กลุ่มได้แก่ อาร์เซนอล(อังกฤษ) นาโปลี(อิตาลี) บาร์เซโลน่า(สเปน) แอต.มาดริด(สเปน) โมนาโก(ฝรั่งเศส) ดอร์ทมุนด์(เยอรมัน) เลสเตอร์ ซิตี้(อังกฤษ) และ ยูเวนตุส(อิตาลี)
รองแชมป์กลุ่มของเวที UCL รอบแรก
ส่วนรองแชมป์กลุ่มของปีนี้เรียงตามกลุ่มตัวอักษรได้แก่ ปารีส(ฝรั่งเศส) เบนฟิก้า(โปรตุเกส) แมนซิตี้(อังกฤษ) บาเยิร์น มิวนิค(เยอรมัน) เลเวอร์คูเซ่น(เยอรมัน) รีลมาดริด(สเปน) ปอร์โต้(โปรตุเกส) เซบีย่า(สเปน) ซึ่งจากรายชื่อถือว่าแปลกใจทีเดียวกับ บาเยิร์น มิวนิค กับ รีล มาดริด ที่ต้องบอกว่าพลาดทีเดยว ต้องมาลุ้นกันว่า ใครจะเป็นผู้โชคดี เจอพวกเค้าในรอบต่อไป